วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รู้ได้อย่างไรว่าสุนัขเราตั้งท้อง!!



    สุนัขทั้งเพศผู้และเพศเมียอายุเหมาะสมที่จะเป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์นั้นควรมีอายุตั้งแต่ 11-13 เดือนขึ้นไป ดังนั้นการที่สุนัขเพศเมียเป็นสัดครั้งแรกจึงไม่แนะนำให้รีบทำการผสมพันธุ์
 
มีสุนัขหายพันธุ์ที่สามารถผสมพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ และมาหาเราเพื่อให้ช่วยทำการผสมเทียม เช่น เชา เชา เกรย์ฮาวน์ บูลด๊อก เป็นต้น เนื่องจากตัวเมียมักไม่ยอมให้ขึ้นผสมพันธุ์  ผู้เลี้ยงสุนัขก็ไม่ต้องหนักใจ เรื่องเท่านี้สัตวแพทย์ของเราสามาถช่วยท่านได้
 
ส่วนเรื่องการดูแลและสังเกตุอย่างไรว่าสุนัขของเรานั้นผสมติด เป็นอะไรที่น่าลุ้นและอดใจรอเป็นอย่างยิ่ง แล้วทราบหรือยังว่าสุนัขหากตั้งท้อง จะท้องกี่วันจึงกำหนดคลอด  และต้องบำรุงอะไรหรือไม่
 
สุนัขจะเริ่มตั้งท้องก็ต่อเมื่อเกิดการผสมของอสุจิ กับไข่เกิดขึ้น ระยะเวลาของการตกไข่และเหมาะสมในการผสมพันธุ์คือ ระยะที่มีการตกไข่ที่เรียกว่าเป็นสัด Estrus ระยะนี้เมื่อสังเกตุจะเห็นสุนัขตัวเมียยืนนิ่งและยอมให้ตัวผู้ขึ้นขี่ และเป็นระยะที่มีโอกาสไข่ตกได้มากที่สุด ดังนั้นโอกาสที่จะผสมติดมีสูงขึ้น
 
การจะทราบว่าเป็นระยะเป็นสัดนั้น สามารถสัเกตุได้เบื้องต้นโดยการนับวันที่เห็นมีเลือดจางๆออกมาทางอวัยวะเพศ ในวันที่ 9-11 เราจะเริ่มให้สุนัขได้ผสมพันธุ์ในช่วงเวลานี้ แต่โชคไม่ดีนักที่สุนัขบางตัวอาจทำให้การนับวันผิดพลาด เนื่องจากการผิดพลาดในการนับวันตั้งแต่วันแรกที่เห็นเลือด ทำให้กว่าจะเป็นวันที่ 9 ที่เจ้าของเห็นกลายเป็นวันที่ 14-15 ไปแล้ว ทำให้ล่าช้าไม่ทันการ ไข่ได้ตกไปหมดแล้ว โอกาสผสมติดย่อมน้อยลงมา
 
ในทางสัตวแพทย์ เรามีวิธีการทางวิชาการที่จะช่วยท่าน 2 ทาง คือ

ทางที่ 1 ที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดคือ การตรวจเซล estrous โดยการย้อมเซลและตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ที่เรียกว่าการทำ vaginal smear สามารถทราบผลได้ทันที และสามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว
 
ทางที่ 2 คือ การตรวจฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน  หากค่าของฮอร์โมนในระดับสูงจะพยากรณ์ได้ว่าเป็นระยะที่มีไข่ตกแล้ว เป็นต้น การทราบผลต้องรอการตรวจจากห้องปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง
 
จะอุ่นใจได้ว่า ท่านยังมีตัวช่วยทางวิทยาการทางสัตวแพทย์ที่จะช่วยทำให้สุนัขของท่านผสมติดและตั้งท้องได้ ส่วนวิธีใดทำให้ทราบว่าตั้งท้องแล้วขี้นกับการสังเกตุของเจ้าของเป็นสำคัญ  เช่น ท้องเริ่มกาง ขยายขึ้น ทานจุมากขึ้น แต่อาจมีบางตัวทานน้อยลงในช่วงแรก เพรามีอาการแพ้ท้องก็มี โดยเฉพาะในช่วงอาทิตย์ที่ 3 ของการตั้งท้อง ที่มักพบอาการเบื่ออาหาร และมีการอาเจียนเช่นกัน
 
ระยะเวลาการตั้งท้อง
โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 59-63 วัน โดยมีความผันแปรไปตามระยะเวลาการตกไข่ จำนวนการถูกผสม และระยะเวลาที่ถูกผสมพันธุ์ ดังนั้นเวลาที่ไข่ถูกผสมหรือเกิดปฏิสนธิจนถึงเวลาที่คลอดออกมาไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนเช่นเดียวในคน
 
อาการที่พบในช่วงตั้งท้อง 2 เดือน
 
พบว่า อวัยวะเพศภายนอกจะยังคงขยายใหญ่ไม่กลับไปหดเล็กเหมือนก่อนเกิดการเป็นสัด แต่ระหว่างที่มีการขยายใหญ่นั้นไม่ควรจะพบว่ามีน้ำอะไรไหลออกมาจนกว่าจะใกล้คลอดจริงๆ ถึงจะมีน้ำใสๆออกมาบ้าง นอกจากนี้เต้านมจะค่อยๆขยายใหญ่ เมื่อใกล้คลอดในสัปดาห์สุดท้าย และเมื่อบีบหัวนม จะมีน้ำนมไหลออกมาแต่มีบางตัวที่ไม่มีน้ำนมก็มี
 
เมื่อใกล้คลอด มดลุกเริ่มมีการบีบตัวเป็นระยะแรกของการคลอด สุนัขจะเริ่มหาที่คลอด และปลีกตัว ซึมลง นอนมากขึ้นและเริ่มมีอาการกระวนกระวาย เริ่มสร้างรังเพื่อคลอดด้วยการคุ้ยเขี่ยในที่ต่างๆ ถึงตอนนี้เจ้าของอาจเริ่มต้องตัดสินใจเผิ่อว่าจะให้คลอดตามธรรมชาติหรือให้ผ่าคลอดหากเกิดการคลอดลำบากเกิดขึ้น  ดังนั้นจึงแนะนำว่าไม่ควรให้อาหารทานมากนักในช่วงนี้ เพราะอาจจะเป็นอุปสรรคในการวางยาสลบหากมีการผ่าคลอด
 
 
และที่สำคัญที่ใช้เป็นแนวทางในการวินิจฉัยการใกล้คลอด คือ การวดอุณหภูมิ พบว่าภายใน 24 ชั่วโมงที่จะคลอดอุณหภูมิเมื่อวัดทางทวารหนักจะตกเหลือ 36.6 °c ซึ่งปกติ 37.5-39.3° c 
 
การตรวจและวินิจฉัยการตั้งท้องโดยสัตวแพทย์
สัตวแพทย์จะถามว่าระยะเวลาการถูกผสม  หากเกิน 45 วันขึ้นไป สามารถจะทำการ x-ray เพื่อนับจำนวนลูกที่อยู่ในท้อง แต่ในบางพันธุ์การเอกเรย์อาจแม่นยำเมื่อมีระยะเวลาตั้งแต่ 50 วันขึ้นไป 
 
การเอกเรย์สามารถบอกจำนวนสุนัขในท้องได้ว่ามีกี่ตัว โดยนับจำนวนจากโครงสร้างของกระดูกซี่โครงที่เห็นในฟิลม์เอกเรย์ และท่าทาง Position ของลูกในฟิลม์เอกเรย์ จะสามารถพยากรณ์การคลอดได้ว่ามีโอกาสคลอดยากหรือไม่
 
การวินิจฉัยที่มีความแม่นยำและสามารถบอกได้ว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น โดยการตรวจด้วยเครื่อง ultrasound เช่นเดียวกับคน ซึ่งข้อดีของการ ultrasound คือ การเห็นการเต้นของหัวใจของลูก และสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตั้งท้องช่วง 25-30 วันขึ้นไป เนื่องจากเราจะพบการเต้นของหัวใจของตัวลูก แต่จะยังไม่เห็นกระดูก ส่วนการนับจำนวนตัวลูกนั้นอาจบอกได้แน่นอนค่อนข้างยากกว่าการเอกเรย์ 
 
แล้วถ้าสุนัขท้อง จำเป็นต้องเพิ่มยาบำรุงอะไรให้ไหม??
คำตอบคือ ในช่วงการตั้งท้อง 1 เดือนแรกไม่จำเป็นมากนักในการเพิ่มวิตามินเข้าไป หากอาหารที่เจ้าของสุนัขให้ทานนั้นเป็นอาหารที่ดีและมีสารอาหารที่เพียงพอแล้ว การเสริมวิตามินโดยเฉพาะ วิตามิน A และ D  อาจทำให้เกิดการพัฒนาการของลูกที่ผิดปกติ
 
แนะนำว่าควรค่อยๆเปลี่ยนอาหารที่ทานเป็นอาหารระดับพรีเมี่ยมเกรด เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนะที่ครบถ้วน แต่การเพิ่มปริมาณนั้นเราจะทำการเพิ่มปริมาณเมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 5 โดยเพิ่ม 25% และค่อยๆเพิ่มสัปดาห์ละ 25% ในสัปดาห์ที่ 7 ควรแบ่งการให้เป็นวันละ 2 มื้อ และเมื่อในระยะสุดท้ายของการตั้งท้องในสัปดาห์ที่ 8 แนะนำว่าไม่ควรเสริมอาหารมากมาย เพราะอาจทำให้ลูกตัวใหญ่เกินไปและจะมีปัญหาการคลอดยากตามมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น