ผู้เลี้ยงสมัยนี้ เลี้ยงน้องหมาเป็นแก้วตาดวงใจ รักมากกว่าแฟนข้างกายเสียอีก ไม่ว่าจะซื้อขนมให้กิน กินอาหารราคาแพงหรูหรา วัตถุดิบนำเข้า เดินทางพาไปเที่ยว ใส่รองเท้าให้ พาไปสปา นอนบนเตียงโซฟาเป็นราชาราชินี ซึ่งแน่นอนค่ะว่าสิ่งที่พวกเราทำให้เขาล้วนมาจาก "ความรัก" ที่มีให้แก่พวกเขา
.....แต่ถึงการเลี้ยงน้องหมาแบบสปอยล์นั้น จะไม่ส่งผลอะไรต่อจิตใจเจ้าของ แต่สำหรับน้องหมาแล้ว ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของน้องหมาสุดไฮโซจากที่น่าจะมีสุขเสมอต้นเสมอปลาย ก็อาจกลายเป็นสุขขึ้นๆ ลงๆ
1. รู้สึกไม่มั่นคง สับสนกับสัญชาตญาณเดิม
สัญชาตญาณดั้งเดิมของน้องหมาไม่ว่าจะการได้ยิน การดมกลิ่น การหวงอาณาเขต การคลุกของเหม็น แสดงอำนาจเหนือเพื่อให้ได้การยอมรับ เคารพต่อจ่าฝูงและกฏระเบียบของฝูงอย่างเคร่งครัด มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดสูง แต่เมื่อนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงถูกแยกออกจากฝูงตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ทันจะได้เรียนรู้สังคมของธรรมชาติน้องหมา และต้องอยู่ลำพังมากกว่าอยู่กับฝูง....จึงทำให้สัญชาตญาณฝูงของพวกเขาไม่มั่นคง แกว่งเขวไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ไม่สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง เอาตัวรอดยากมากขึ้น
การเลี้ยงพวกเขาอย่างตามใจ เอาใจเกินพอดีถึงขนาดหมดความเป็นธรรมชาติของความเป็นน้องหมา ทำให้พวกเขาหลงลืมสัญชาติของตัวเอง พึ่งพิงตัวผู้เลี้ยงเป็นหลัก ทำให้จิตใจของพวกเขาไม่มั่นคง ไม่สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง เอาตัวรอดยากมากขึ้น ยิ่งถ้าผู้เลี้ยงไม่มีความสุขุมมั่นคง ตามใจน้องหมาเหมือนเด็ก สภาวะอารมณ์ของพวกเขาจะกระวนกระวาย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง สะสมให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ในเวลาต่อมา
2. ไม่รู้ลำดับของตัวเองในครอบครัว
น้องหมาที่ถูกเลี้ยงแบบสปอยด์ ความต้องการที่มากขึ้นของเขาทำให้พวกเขารู้สึกขาด เมื่อไม่ได้รับการใส่ใจ การตอบสนองตามความต้องการ พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า เป็นเจ้าของทุกคนและทุกสิ่งในครอบครัว ไม่รู้จักตำแหน่งของตัวเอง
ปกติแล้วน้องหมาจะมีสัญชาตญาณหรือเซ็นส์พอจะรู้ว่าใครคือจ่าฝูง หรือหัวหน้าครอบครัวครัวจากพลังงาน พวกเขาจะละทิ้งคนอื่นๆ ที่ไม่มีอำนาจพอให้อยู่ใต้อาณัติของพวกเขาโดยการไม่เชื่อฟัง เล่นแรง เรียกร้องความสนใจ แล้วจะอยู่เคียงข้างอย่างสงบเสงี่ยมกับคนที่เป็นจ่าฝูง เพราะพวกเขาชอบที่จะอยู่ในกฏระเบียบที่ชัดเจน มีวินัย รู้ว่าตัวเองต้องมีหน้าที่อะไร ตำแหน่งอะไรแน่ชัดเพื่อรู้สึกมั่นคง แต่เมื่อใดก็ตามที่จ่าฝูงของพวกเขาเริ่มผ่อนปรนหรืออ่อนกำลังลง ตามอกตามใจ พวกเขาก็พร้อมจะ แย่งชิงความเป็นจ่าฝูงของพวกเขาก็พร้อมเสมอกับการขึ้นแท่นไปเป็นจ่าฝูงคนใหม่ในทันที
3. กลัวการถูกทิ้ง ติดเจ้าของ
ธรรมชาติของน้องหมาพวกเขาจะยึดฝูงเป็นหลัก เจ้าของเปรียบเสมือนจ่าฝูงของพวกเขา เป็นเสาหลักทางจิตใจ ดังนั้น ถ้าผู้เลี้ยงไม่สามารถสร้างความรู้สึกมั่นคงให้แก่พวกเขาได้ ตามใจพวกเขามากจนพวกเขาเกิดความสับสนระหว่าง "สิ่งที่ถูกต้อง" กับ "สิ่งที่อยากทำ"
ซึ่งถ้าหากมองอีกมุมจะพบว่า เจ้าของน้องหมาต่างหากที่ต้องการเกาะติดน้องหมา จนนำไปสู่การสร้างขนบแบบผิดๆ ให้แก่การดำเนินชีวิตของพวกเขา อย่าง เวลาต้องทิ้งน้องหมาอยู่ลำพังก็จะร่ำลา “ไปก่อนนะลูก” “เดี๋ยวกลับมานะลูก” ทั้งจุ๊บทั้งหอม เป็นการแสดงความพลังของความเป็นห่วงกังวลให้น้องหมารับรู้ กระตุ้นให้พวกเขารู้เกิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์ วิตกกังวล หดหู่ง่าย เมื่อถูกทิ้งอยู่ตัวเดียว จึงปลอดปล่อยความกลัว และเรียกร้องความสนใจจากผู้เลี้ยง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้สามารถพัฒนาไปเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่ยากจะหยุดยั้งได้ค่ะ
4. มั่นใจในตัวเองสูง หวงตัว
น้องหมาที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง หรือหวงตัวส่วนใหญ่เกิดมาจากลักษณะนิสัยตามสายพันธุ์ อย่าง พิทบูล ปอมเมอเรเนียน คอร์กี้ บางแก้ว หรือ แม้แต่ชิวาวาในบางตัว พวกเขาจะไม่โอนอ่อนต่อเจ้าของถ้าไม่สามารถทำให้พวกเขายอมรับได้ ซึ่งถ้าผู้เลี้ยงยิ่งตามใจ ตอแย พวกเขายิ่งได้ใจแสดงอำนาจเหนือ รอให้เราเดินตาม เดินหา เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เลี้ยงควรสังเกตลักษณะนิสัยของน้องหมา ถ้าเห็นว่าพวกเขาเป็นพวกแสดงอำนาจเหนือ มั่นใจในตัวเองมาก ก็ต้องเริ่มจากการฝึกตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของน้องหมาว่าเราเป็นเจ้าของ เป็นจ่าฝูง ต้องอยู่ใต้อำนาจเรา ซึ่งการพาไปออกกำลังกาย การฝึกวินัย และอดทนต่อความใจอ่อนชอบสปอยล์ จะช่วยให้น้องหมามั่นใจและยอมรับเรา
5. ปรับตัวยาก ไม่รู้เวล่ำเวลา นาฬิกาชีวิตแปรปรวน
น้องหมาทุกตัวมีนาฬิกาชีวิต พวกเขาจะรู้เวลาเป๊ะๆ ว่าถึงเวลาขับถ่าย เวลานอน เวลากินข้าว เวลาเจ้าของกลับบ้าน ซึ่งการรู้เวลาที่แน่ชัดช่วยให้ชีวิตของพวกเขามีแบบแผน รู้สึกปลอดภัย มั่นคง แต่ถ้าเกิดถูกเลี้ยงแบบสปอยด์มากเกินไป อยากจะกินเวลาไหนก็ได้กิน ขอเมื่อไหร่ก็ได้ เวลาพาไปออกกำลังกายไม่ชัดเจน น้องหมาไม่รู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่รู้เวลา
ซึ่งแน่นอนค่ะว่า การปฏิบัติต่อน้องหมาอยย่างไม่สม่ำเสมอก็ทำให้นาฬิกาและหน้าที่ที่พวกเขารู้สึกว่าต้องทำต้องรับผิดชอบแปรปรวน พวกเขาจะเกิดความรู้สึกไม่มั่นคง กระวนกระวาย ใช้พลังงานไปกับการทำลายข้าวของ สร้างความเดือดร้อน ดังนั้นการมีตารางเวลาที่ชัดเจน รู้หน้าที่ของตนและของน้องหมาจะช่วยให้พวกเขามีความสุขมากขึ้น
น้องหมาไม่สามารถรู้ได้ว่า ขนมที่เราให้ตลอดเวลา ที่นอนดีๆ การตามใจมากๆ เข้ากรูมมิ่งขนอาบชะโลมน้ำหอมคือการมอบความรักให้แก่พวกเขา เพราะฉะนั้น ถ้าผู้เลี้ยงต้องการให้พวกเขาเข้าใจความรักที่เรามีให้อย่างแท้จริง....การยึดมั่นใน “วินัย” จะเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้น้องหมาเข้าถึงความรักของเรา และช่วยให้พวกเขาสุขภาพจิตดี พฤติกรรมที่ดีได้อย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น