เวลาน้องหมาของเพื่อน ๆ เจ็บป่วยหรือเกิดไม่สบายขึ้นมา เพื่อน ๆ เลือกที่จะพาน้องหมาไปหาหมอทันทีหรือจัดการรักษาน้องหมาด้วยตัวเองก่อนคะ? ... แน่นอนว่า วิธีการดูแลน้องหมาที่ถูกต้องเมื่อน้องหมาเริ่มมีอาการเจ็บป่วยนั่นก็คือ การพาน้องหมาไปพบกับคุณหมอเพื่อตรวจเช็คอาการ แต่เชื่อว่า เพื่อน ๆ หลายคนมักจะเลือกใช้วิธีรักษาน้องหมาด้วยตัวเองก่อนเพราะเชื่อว่า น้องหมาเจ็บป่วยนิด ๆ หน่อย ๆ ป้อนยาให้เดี๋ยวเดียวก็น่าจะหาย แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า การที่เรารักษาและให้ยากับน้องหมาด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และหากรักษาน้องหมาด้วยวิธีการที่ได้ยินจากปากต่อปากตามความเชื่อมาแต่โบราณซึ่งไม่รู้ว่า จะสามารถรักษาน้องหมาได้ไหมด้วยแล้ว ก็ยิ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมา ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้ค่ะ
คอลัมน์ เทคนิคการเลี้ยงการดูแล ในวันนี้ ปังปอนด์ก็เลยนำตัวอย่างวิธีการรักษาน้องหมาด้วยตัวเองที่เป็นที่นิยมของผู้เลี้ยงน้องหมามาไขข้อข้องใจให้กับเพื่อน ๆ กันค่ะ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย ...
คอลัมน์ เทคนิคการเลี้ยงการดูแล ในวันนี้ ปังปอนด์ก็เลยนำตัวอย่างวิธีการรักษาน้องหมาด้วยตัวเองที่เป็นที่นิยมของผู้เลี้ยงน้องหมามาไขข้อข้องใจให้กับเพื่อน ๆ กันค่ะ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย ...
ใช้ยามนุษย์กับสุนัข
สำหรับคนรักสุนัข เชื่อว่า ต้องมีหลาย ๆ คนที่เมื่อเห็นน้องหมาป่วยแล้ว มักจะอดใจไม่ไหวที่จะรื้อหาหรือไปค้นตู้หยิบยาของคนที่มีอยู่ในบ้านมาป้อนให้กับน้องหมา หรือบางคนก็วิ่งเต้นไปหาซื้อยาจากร้านขายยามาป้อนน้องหมาเอง เช่น เห็นน้องหมาเป็นหวัด มีน้ำมูกก็เอายาลดน้ำมูกมาให้น้องหมากิน หรือเห็นน้องหมาสูงอายุเดินขากะเผลกก็เอายาแก้ปวดเข่า ยาปฏิชีวนะของคนมาป้อนให้น้องหมากินติดต่อกันหลายวัน เพราะหวังดีอยากให้น้องหมาหายจากอาการป่วยเร็ว ๆ ... แต่รู้ไหมคะ ว่าความหวังดีของเราเหล่านั้น เป็นตัวการสำคัญที่อาจทำให้อาการป่วยของน้องหมาทรุดหนักลงกว่าเดิมจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
หลาย ๆ คนมีความเข้าใจว่า ยารักษาของคนก็สามารถนำไปรักษาอาการป่วยในน้องหมาได้ ซึ่งต้องขอบอกเลยค่ะว่า มียาเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถนำมารักษากับน้องหมาได้ และการนำยาของขนมารักษาน้องหมาในทุกครั้งจำเป็นที่จะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด อย่างในกรณีของผู้เลี้ยงที่นำยาพาราเซตามอล (paracetamol) ที่มีสรรพคุณเป็นยาระงับปวดและลดไข้มาป้อนให้กับน้องหมาที่ป่วยเป็นไข้หวัดสุนัขโดยไม่คำนึงถึงโดสยาที่เหมาะสม ให้ยาในปริมาณที่สูงเกินไปก็จะมีผลกระทบต่อตับไตของน้องหมา ส่งผลให้น้องหมามีอาการซึม อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น และถ้าหากไม่รีบพาไปพบสัตวแพทย์ก็อาจเสียชีวิตได้ใน 2-4 วันเลยล่ะค่ะ ( อ่านเพิ่มเติม ยาพาราใช้กับน้องหมาได้หรือไม่ไปหาคำตอบกัน )
หลาย ๆ คนมีความเข้าใจว่า ยารักษาของคนก็สามารถนำไปรักษาอาการป่วยในน้องหมาได้ ซึ่งต้องขอบอกเลยค่ะว่า มียาเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถนำมารักษากับน้องหมาได้ และการนำยาของขนมารักษาน้องหมาในทุกครั้งจำเป็นที่จะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด อย่างในกรณีของผู้เลี้ยงที่นำยาพาราเซตามอล (paracetamol) ที่มีสรรพคุณเป็นยาระงับปวดและลดไข้มาป้อนให้กับน้องหมาที่ป่วยเป็นไข้หวัดสุนัขโดยไม่คำนึงถึงโดสยาที่เหมาะสม ให้ยาในปริมาณที่สูงเกินไปก็จะมีผลกระทบต่อตับไตของน้องหมา ส่งผลให้น้องหมามีอาการซึม อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น และถ้าหากไม่รีบพาไปพบสัตวแพทย์ก็อาจเสียชีวิตได้ใน 2-4 วันเลยล่ะค่ะ ( อ่านเพิ่มเติม ยาพาราใช้กับน้องหมาได้หรือไม่ไปหาคำตอบกัน )
หรือในบางรายก็อาจจะนำยาคุมกำเนิดมาให้น้องหมากินเพราะเชื่อว่า หากให้น้องหมากินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงของคนวันละเม็ด จะสามารถช่วยคุมกำเนิดให้กับน้องหมาได้เช่นเดียวกับคน ซึ่งความเป็นจริงการให้น้องหมากินยาคุมของคนนั้นนอกจากจะไม่ได้ผลกับน้องหมา (น้องหมามีวงรอบการเป็นสัดใช้ระยะเวลายาวนานถึงเฉลี่ย 6 เดือน ต่างจากผู้หญิงที่ใช้เวลาเพียงแค่ 28 วัน) แล้วยังอาจส่งผลต่อระบบร่างกาย ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ และทำให้มดลูกอักเสบแบบติดเชื้อได้อีกด้วยค่ะ
ดังนั้น เพื่อน ๆ จึงไม่ควรนำตัวยาใด ๆ ของคนมาป้อนให้กับน้องหมา หากยังไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือได้คำแนะนำจากสัตวแพทย์ เพราะการจัดยาให้น้องหมาเองมีแต่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมา เนื่องจากยาแต่ละชนิดมีผลข้างเคียงและข้อจำกัดในการใช้แตกต่างกันตามแต่กรณี และถ้าหากนำยาฆ่าเชื้อมาป้อนน้องหมา หรือใช้ยาพร่ำเพื่อมากเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เชื้อเกิดการดื้อยาได้ ซึ่งต่อไปในอนาคตหากน้องหมาจำเป็นต้องรักษาอาการป่วยและต้องใช้ยาก็อาจจะใช้ยานั้น ๆ ไม่ได้ผลอีกต่อไปค่ะ
ขมิ้นชันรักษาผิวหนังสุนัข
ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรที่มนุษย์รู้จักและใช้รักษาโรคมากว่า 5,000 ปี โดยขมิ้นชันถือเป็นสมุนไพรที่สามารถนำไปประกอบอาหารและมีสรรพคุณทางยาที่สามารถรักษาอาการและโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเกาต์ อาการแพ้ ไข้หวัด และสรรพคุณตัวเด่นของขมิ้นชันคือ มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบและมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี จึงได้ถูกนำไปในวงการสุขภาพความงาม รวมถึงคนรักน้องหมาหลาย ๆ คนก็ได้นำขมิ้นมารักษาน้องหมาที่เป็นโรคขี้เรื้อน โรคผิวหนังอักเสบเป็นหนอง กำจัดเห็บหมัด ฯ โดยนำขมิ้นชันมาผสมกับสมุนไพรตัวอื่น ๆ แล้วนำไปหมักบนตัวของสุนัข หรือบ้างก็นำขมิ้นชันมาแปะบาดแผลสดเพื่อรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการถกเถียงกันในหมู่คนรักสัตว์ว่า ขมิ้นชันนั้นสามารถนำมาใช้รักษาโรคผิวหนังในน้องหมาได้หรือไม่ ซึ่งต้องขอบอกเลยค่ะว่า เราสามารถนำขมิ้นชันมารักษาน้องหมาได้เพราะขมิ้นชันมีสรรพคุณในการต้าน และฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ดังเห็นได้ข้อมูลงานวิจัยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ได้ศึกษาวิจัยและพัฒนายาทาภายนอกสำหรับสุนัขเพื่อรักษาโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองจากขมิ้นชันขึ้นและพบว่าสารสกัดสีเหลืองส้มที่ เรียกว่า เคอร์คูมินอยด์ (curcuminoids) จากขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory activity) ต้านและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (anti-bacterial activity) ที่ก่อโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองได้ ส่วนของน้ำมันขมิ้นชันสามารถออกฤทธิ์ต้านและฆ่าเชื้อราชนิด Trichophyton mentagro phytes และ Microsporum canis ที่พบร่วมในโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองได้เป็นอย่างดี
และถึงแม้ว่า ขมิ้นชัน จะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราต่าง ๆ บนผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคัน โรคผิวหนัง และรักษาโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัขได้ แต่ขมิ้นชันก็ไม่สามารถใช้รักษาโรคไรขี้เรื้อนในสุนัขได้ เพราะโรคไรขี้เรื้อนเกิดจากตัวไร (mite) หรือไรขี้เรื้อน ที่มักพบมี 2 ชนิด คือ ไรขี้เรื้อนซาร์คอพเตส (Sarcoptes spp.) กับ ไรขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์ (Demodex spp.) ซึ่งไม่ใช่เชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราค่ะ ฉะนั้น ผู้เลี้ยงที่มีความเชื่อว่า การหมักขมิ้นชันให้กับน้องหมาจะช่วยรักษาโรคไรขี้เรื้อนให้กับน้องหมาได้นั้น ต้องบอกเลยว่า เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องค่ะ
รวมถึงการหมักขมิ้นให้กับน้องหมายังทำให้ผิวหนังและเส้นขนเปลี่ยนไปเป็นเหลือง ซึ่งถือเป็นอุปสรรคในการตรวจวินิจฉัยโรคของสัตวแพทย์ผู้รักษา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรอยโรคที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของน้องหมาได้อย่างชัดเจนอีกด้วยค่ะ
สำหรับวิธีที่ถูกต้องหากพบว่า น้องหมาเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง ผู้เลี้ยงก็ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคกับสัตวแพทย์และทำการรักษาอย่างถูกวิธีจะดีที่สุด หรือหากจะนำขมิ้นชันมารักษา ผู้เลี้ยงก็ควรที่จะปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้เพราะน้องหมาแต่ละตัวมีลักษณะของผิวหนังที่แตกต่างกัน และควรต้องระมัดระวังในการเลือกซื้อขมิ้น ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าขมิ้นชันไม่มีมีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงปนเปื้อนอยู่เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวน้องหมาได้ค่ะ
น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าด
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าด ที่ใช้หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าของเลือกนำมาใช้รักษาน้องหมา โดยมีความเชื่อที่บอกต่อ ๆ กันมาว่า น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าดมีสรรพคุณที่สามารถช่วยกำจัดเห็บหมัด และรักษาโรคขี้เรื้อนในสุนัขให้หายขาดได้ เพราะหลังจากที่ใช้น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าด หมักตัวน้องหมาแล้ว มักจะทำให้เห็บหมัดหายไป และน้องหมาที่เป็นขี้เรื้อนมีขนใหม่กลับขึ้นมาปกคลุมจนดูเหมือนน้องหมาหายเป็นปกติ ...
แต่จริง ๆ แล้วสาเหตุที่น้องหมามีขนใหม่กลับขึ้นมาปกคลุมนั้นเป็นเพราะในน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าด มีส่วนผสมของ กำมะถัน ที่ช่วยเร่งผลัดเซลล์เก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่จึงทำให้น้องหมาดูเหมือนหายจากโรคขี้เรื้อนนั่นเองค่ะ และในทางกลับกันก็อย่าลืมว่า ในน้ำมันเครื่องยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกายน้องหมา ทั้งสารไฮโดรคาร์บอน สารชะล้างและกระจายสิ่งสกปรก สารป้องกันสนิมและการกัดกร่อน โลหะหนักต่าง ๆ และสารเพิ่มคุณภาพอื่น ๆ ที่ผสมอยู่ เมื่อนำมาหมักตัวน้องหมาก็ย่อมส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาและยังสามารถก่อมะเร็งในน้องหมาได้อีกด้วย
โดยหากผู้เลี้ยงใช้น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าดหมักหรือสัมผัสกับผิวหนังของน้องหมา น้ำมันจะไปชะล้างไขมันตามธรรมชาติออกจากผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลง เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ทำให้ผิวหนังแสบร้อนและเปื่อยหลุดลอก เกิดอาการแพ้ และหากได้รับผ่านทางการสูดดมละอองไอของน้ำมันเครื่องก็จะทำให้เกิดการระหายเคืองต่อเนื้อเยื่อโพรงจมูกและระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งสารไฮโดรคาร์บอนที่อยู่ในน้ำมันเครื่องยังสามารถซึมผ่านผิวหนังได้ ทำให้น้องหมาบางตัวคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง ซึม และหมดสติได้
ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงไม่ควรนำน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันก๊าดมาหมักตัวเพื่อรักษาโรคขี้เรื้อนให้น้องหมาเพราะจะเป็นการทำลายสุขภาพของน้องหมาโดยตรง แต่ควรหันมาแก้ปัญหาให้ตรงจุดโดยพาน้องหมาไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคผิวหนังและรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องจะเป็นการดีที่สุดค่ะ และถ้าหากพบน้องหมาเริ่มมีขนร่วง ผิวหนังบวมแดง มีสะเก็ดรังแค มันเยิ้ม ฯ ก็อย่าเพิ่งคิดไปเองก่อนว่า น้องหมาเป็นขี้เรื้อน เพราะโรคผิวหนังในน้องหมาเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สาเหตุจากฮอร์โมนต่าง ๆ ภูมิแพ้ต่าง ๆ การขาดสารอาหาร ไรขี้เรื้อนแห้ง ไรขี้เรื้อนเปียก ไรในหู เชื้อราหรือยีสต์ เชื้อแบคทีเรีย ฯลฯ ซึ่งบางในบางครั้งน้องหมาที่เราคิดว่า เป็นขี้เรื้อนก็อาจจะไม่ได้เป็นขี้เรื้อนอย่างที่เราเข้าใจก็ได้ค่ะ
แอลกอฮอล์เช็ดหู ล้างแผล
เวลาน้องหมาของเพื่อน ๆ เกิดบาดแผล เพื่อน ๆ ปฐมพยาบาลหรือรักษาบาดแผลให้น้องหมากับอย่างไรคะ? ... เชื่อว่า เมื่อน้องหมาเกิดบาดแผลต่าง ๆ เช่น แผลฉีกขาด แผลถลอกจากการถูกขีดข่วน หรือเกิดบาดแผลชอนลึกจากการถูกสุนัขกัด ผู้เลี้ยงน้องหมาหลาย ๆ คนมักจะเลือกใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดถูที่บริเวณปากแผล เพราะเชื่อว่า แอลกอฮอลจะช่วยฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ติดอยู่บริเวณปากแผลได้ แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า การนำแอลกอฮอล์มาทาถู เช็ดบริเวณปากแผลนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ มีฤทธิ์ทำลายโปรตีนในเนื้อเยื่อ หากนำมาเช็ด ทำความสะอาดบริเวณบาดแผลจะทำให้เกิดอาการแสบร้อน ระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดเนื้อตาย และแผลหายช้า จึงไม่ควรนำแอลกอฮอล์มาใช้ล้างแผลเปิดให้กับน้องหมาเพราะจะยิ่งทำให้บาดแผลของน้องหมาแย่ลงไปอีกค่ะ ซึ่งวิธีการทำความสะอาดแผลที่ถูกต้องคือ นำน้ำเกลือปราศจาคเชื้อมาชะล้างทำความสะอาดบริเวณบาดแผล และใช้แอลกอฮอล์เช็ดผิวหนังรอบ ๆ แผลเพื่อลดโอกาสที่เชื้อรอบปากแผลจะเข้าสู่แผลค่ะ
และนอกจากนี้ ผู้เลี้ยงหลาย ๆ คนก็ยังนิยมนำแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดช่องหูน้องหมา เพราะเชื่อว่า แอลกอฮอล์สามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ และเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยรักษาโรคช่องหูอักเสบของสุนัขที่ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อในช่องหู เช่น เชื้อแบคทีเรีย ยีสต์หรือไรในหูได้
และนอกจากนี้ ผู้เลี้ยงหลาย ๆ คนก็ยังนิยมนำแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดช่องหูน้องหมา เพราะเชื่อว่า แอลกอฮอล์สามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ และเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยรักษาโรคช่องหูอักเสบของสุนัขที่ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อในช่องหู เช่น เชื้อแบคทีเรีย ยีสต์หรือไรในหูได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เยื่อบุผิวภายในช่องหูของน้องหมานั้น เป็นส่วนที่บอบบางกว่าผิวหนังบริเวณอื่นมาก เมื่อนำแอลกอฮอล์มาสัมผัส เช็ดโดนช่องหูของน้องหมาก็อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และยิ่งทำให้เกิดการอักเสบในช่องหูของน้องหมาเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้น เราจึงไม่ควรนำแอลกอฮอลมาเช็ดทำความสะอาดช่องหูของน้องหมา โดยวิธีที่ถูกต้องในการเช็ดทำความสะอาดหูของน้องหมาคือ ให้เลือกใช้น้ำยาล้างหูสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ โดยเลือกสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการเกิดการระคายเคืองของผิวหนังในช่องหูที่จะทำให้หูของน้องหมาอักเสบเพิ่มขึ้นค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะสำหรับบทความเทคนิคการเลี้ยงการดูแลในสัปดาห์นี้ หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ทำความเข้าใจและได้รับความรู้ในการดูแลน้องหมากันเพิ่มขึ้นนะคะ หากพบว่า น้องหมาเริ่มมีอาการป่วย การดูแลน้องหมาที่ถูกต้องคือ พาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจจะดีที่สุด โดยไม่ควรรักษาน้องหมาเองนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น